🔥 ลักษณะการเกิดเพลิงไหม้จากวัสดุประเภทต่าง ๆ
เพื่อการวางแผนระบบป้องกันอัคคีภัยอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
การเข้าใจถึงลักษณะของเพลิงไหม้ที่เกิดจากวัสดุแต่ละประเภท เป็นองค์ความรู้พื้นฐานที่สำคัญสำหรับผู้ที่ดูแลอาคารหรือสถานประกอบการ เพื่อให้สามารถเลือกใช้อุปกรณ์แจ้งเหตุและระงับเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างเหมาะสม
🪵 1. วัสดุจำพวกไม้และอินทรียวัตถุ (Wood & Organic Materials)
- ติดไฟง่ายและลุกลามอย่างรวดเร็ว
- เกิดควันหนา สีเทาหรือดำ
- ลักษณะการเผาไหม้แบบต่อเนื่องโดยไม่ต้องมีเปลวไฟ
- มักพบใน: เฟอร์นิเจอร์ไม้ โครงสร้างอาคาร กล่องกระดาษ
🔎 แนะนำให้ติดตั้ง Smoke Detector แบบ Photoelectric ซึ่งตอบสนองต่อควันหนาได้อย่างรวดเร็ว
🧴 2. วัสดุพลาสติก (Plastics)
- เมื่อเกิดไฟไหม้จะปล่อยควันดำหนาทึบและสารพิษที่เป็นอันตราย
- อุณหภูมิของไฟสูงและอาจทำให้โครงสร้างโดยรอบเสียหายรวดเร็ว
- มักพบใน: อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์สังเคราะห์ ท่อ PVC
🔎 ควรติดตั้ง Heat Detector ควบคู่กับ Smoke Detector เพื่อการแจ้งเตือนที่ครอบคลุม
🪑 3. ผ้า เบาะ และโฟมสังเคราะห์ (Textiles & Foam)
- มีความไวไฟสูง โดยเฉพาะฟองน้ำโพลียูรีเทน
- เผาไหม้อย่างรุนแรง เกิดควันหนาและสารพิษ
- มีแนวโน้มเกิดปรากฏการณ์ลุกวาบ (Flashover)
- มักพบใน: โซฟา ผ้าม่าน เบาะที่นั่ง
🔎 แนะนำให้ใช้ระบบ Sprinkler ควบคู่กับ Early Warning Alarm System
🧱 4. วัสดุโลหะ (Metals)
- ส่วนใหญ่ไม่ติดไฟง่าย ยกเว้นโลหะบางชนิด เช่น แมกนีเซียม อะลูมิเนียมผง
- เกิดไฟที่มีอุณหภูมิสูงมาก และมีประกายไฟ
- ใช้น้ำดับไม่ได้ ต้องใช้สารเคมีเฉพาะทาง
- มักพบใน: โรงงานอุตสาหกรรมหรือพื้นที่ที่มีการแปรรูปโลหะ
🔎 แนะนำให้ใช้ Flame Detector หรือ Heat Detector เฉพาะทาง
⛽ 5. ของเหลวไวไฟ (Flammable Liquids)
- ไฟลุกลามเร็ว และสามารถลุกไหม้เป็นบริเวณกว้างในเวลาอันสั้น
- มักเกิดการระเบิดหากอยู่ในพื้นที่ปิด
- มักพบใน: ห้องเครื่องยนต์ โรงกลั่นน้ำมัน พื้นที่เก็บเชื้อเพลิง
🔎 จำเป็นต้องมีระบบตรวจจับเปลวไฟ (Flame Detector) และระบบดับเพลิงอัตโนมัติที่มีความแม่นยำสูง
📌 หมายเหตุสำคัญ:
“การเลือกใช้อุปกรณ์ตรวจจับและแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ควรพิจารณาตามประเภทวัสดุที่มีอยู่ในพื้นที่ เพื่อให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์เป็นไปอย่างทันท่วงทีและลดความเสียหายได้สูงสุด”